สวัสดีครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่ผมเขียนนะครับ หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ด้วยครับ (ตามเสต็ป) ^^"
เอาล่ะครับมาเข้าเรื่องกันดีกว่า การเดินทางครั้งนี้มันเกิดจากคนโสด และอินดี้ 3 คนมาเจอกัน
หลังจากความเครียดแบบคลุ้มคลั่งช่วงสอบไฟนอลปลายปีที่ผ่านมา ก็ต้องมาปลดปล่อยกันบ้าง
เริ่มจากการอ่านรีวิวมาล้านแปด พวกเราก็เห็นตรงกันว่าเชียงใหม่เนี่ยแหละคือเป้าหมายที่เราจะไป
เราวางแผนการเดินทางของเราด้วยรถไฟ ตามสไตล์คนฮิป เป้าหมายที่เราจะไปก็คือ
ดอยอ่างขาง >> ถนนคนเดินวันอาทิตย์ >> ดอยสุเทพ
เรียกได้ว่าทริปนี้มีหลายอารมณ์ และก็หลายอุณหภูมิเช่นกัน ( ปล.ทริปนี้สำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัว ใช้สกิลตัวเองล้วนๆนะครับ )
เราออกเดินทางกันวันศุกร์ที่ 25 ธ.ค. 58 วันคริสต์มาสพอดีเลยครับ โดยนั่งรถไฟปรับอากาศ ชั้น 2 แบบด่วนพิเศษครับ ( ย้ำ!!! ด่วนพิเศษ )
โดยเวลาในตั๋วเนี่ยรถจะออกประมาณ 09.21 น. พวกเราก็มากันพอดีกับเวลาที่ตั๋วระบุไว้แหละครับ แต่รถยังไม่มา
เค้าบอกว่าวันนี้รถต้องรอหลีก เพราะวิ่งได้แค่ทางเดียว เราก็เลยไม่ปล่อยเวลาว่างให้เปล่าประโยชน์ครับ ไปถ่ายรูปกานน
แล้วรถไฟก็มาถึงประมาณ 10.30 น.ครับ โดยเราจะนั่งจากสถานีต้นทางรังสิต ไปยัง สถานีปลายทางเชียงใหม่ครับ
มาดูบรรยากาศบนรถไฟกันครับ เรียกได้ว่ามันผิดคาดมากๆ ไม่คิดว่ามันจะดูดีกว่าที่คิดไว้ขนาดนี้ ตอนแรกพวกเราก็เตรียมเสบียง
กันมาเยอะแยะเลยครับ ( กลัวอดตายบนรถไฟ TT" ) แต่ปรากฎว่ารถขบวนนี้มีอาหารเสิร์ฟครับ
ขึ้นมาถึงพนักงานก็เสิร์ฟของว่างเลยครับ
แล้วนั่งไปสักพักประมาณ 12.00 น. ก็มีมื้อกลางวันร้อนๆมาเสิร์ฟถึงที่เลย
เมื่อกินอิ่มแล้ว เราก็นั่งอ่านหนังสือ ฟังเพลง เผลอหลับไป ตื่นมาอีกทีประมาณ 15.00 น.
มาอีกแล้วครับของว่างมาอีกแล้ว
กินกาแฟกันสักหน่อย ให้มันตื่นตาตื่นใจ
จากนั้นก็นั่งคุยกันไปตลอดทาง คุยนู่น คุยนี่ ก็ปาไป 6 โมงเย็นแล้วครับ
ก็เป็นอีกเช่นเคย พนักงานเอาอาหารเย็นมาเสิร์ฟ
ผมได้กินข้าวผัดกระเพราหมู ส่วนเพื่อนได้กินข้าวไข่เจียว รสชาติก็ถือว่าโอเคเลยนะ
ประมาณ 1 ทุ่ม รถไฟจอดที่อุตรดิตถ์นานมากกก กว่ารถจะออกก็ 2 ทุ่มครับ
จากนั้นรถก็ไปจอดอีกที่ ลำพูน ประมาณ 3 ทุ่ม เจ้าหน้าที่บอกว่าหัวรถมันไปไม่ไหว ต้องรอรถมาดึง
สักพักรถดึงก็มา แต่!!! รถที่มาดึงก็ดับเหมือนกันครับ ต้องรออีกคันมาดึง
กว่าจะได้ออกก็ 4 ทุ่ม ( ย้ำอีกที!!! ผมนั่งรถไฟด่วนพิเศษนะครับ )
แท่นแทนแท๊นน~~~ ถึงแล้วครับเชียงใหม่ที่รัก ขณะนี้เวลา 23.30 น. (เวลาถึงในตั๋ว 19.30 น.)
ไม่เป็นไรครับพวกเรา โอเค๊
จากนั้นเราก็เดินมานั่งรถแดงหน้าสถานีรถไฟครับ มีป้าคนนึงพุ่งตัวมาถามพวกเราว่าจะไปไหน
เราก็บอกจะไป Hug Hostel ตรงประตูช้างเผือกครับ
แล้วป้าก็พาเราไปขึ้นรถอย่างรวดเร็ว ไม่ให้พวกเราตั้งตัว 555 ( ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก )
ค่ารถแดง คนละ 50 บาทครับ
ถึงแล้วครับ Hug Hostel ตั้งอยู่ตรงประตูช้างเผือก ที่เราเลือกที่นี่เพราะอยู่ใกล้กับคิวรถช้างเผือก
ที่พวกเราจะนั่งรถขึ้นดอยอ่างขางกันในวันพรุ่งนี้ครับ
และนี่ก็เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ได้นอน Hostel ด้วย ตื่นเต้นๆ
บรรยากาศภายใน Hostel ครับ แต่ห้องที่เราพักจริงๆ เป็นห้อง sharing room 4 คนครับ
ห้องน้ำสะอาด ที่พักสบาย ความจริงทาง Hostel เค้ามีบริการ kitchen และ living room ด้วยครับ
แต่พวกเราไปถึงก็ดึกแล้วเลยไม่ได้ใช้บริการ น่าเสียดายจริงๆ
ราคาที่เราพัก 360 บาท/คน + ค่ามัดจำกุญแจคนละ 50 บาทครับ
เห็นเค้าบอกช่วงไม่ใช่เทศกาลราคาจะถูกกว่านี้นะ
http://www.hughostel.com/
ร้านอาหารจะอยู่ฝั่งตรงข้าม Hostel เลยครับ มีทั้งหมูสะเต๊ะช้างเผือก อาหารตามสั่ง โรตี และอีกมากมาย
แต่มาถึงประตูช้างเผือกทั้งที เราก็ไม่พลาดที่จะกินขาหมูช้างเผือก และสุกี้ แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่สุกี้โคคาครับ
รสชาติขาหมูอร่อยมาก ราคาปกติ 30 บาท พิเศษ 35 บาท คือประทับใจมากอ่า
เมื่ออิ่มหนำสำราญกับขาหมูตอนเที่ยงคืนกันไปแล้ว พวกเราก็อาบน้ำนอนครับ
เก็บแรงเอาไว้ผจญภัยในวันพรุ่งนี้ สำหรับวันแรกก็คงจบเพียงเท่านี้ เดี๋ยวมาต่อของวันต่อๆไปนะครับ
เพิ่มเติม ( สำหรับคนไม่เคยพักห้องพักแบบ Hostel นะครับ )
ห้องพักแบบ Hostel เป็นห้องพักที่เราจะต้องไปพักร่วมกับคนอื่น
อาจจะมีความเป็นส่วนตัวน้อยกว่าโรงแรมสักหน่อย แต่สำหรับคนที่อยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆ
หรือมีงบจำกัด ห้องพักแบบนี้ก็ถือว่าโอเคเลยครับ ของที่ต้องเตรียมตัวไปพักส่วนใหญ่ก็เหมือน
ไปพักโรงแรมทั่วไปแหละครับ แต่ถ้าคนที่ต้องการความปลอดภัยส้กหน่อยก็อาจจะเตรียมลูกกุญแจ
ไปใช้สำหรับล็อคตู้ล็อคเกอร์ในห้องพัก หรือใครไม่สะดวกเตรียม ทาง Hostel ก็มีบริการให้เช่าครับ
บาง Hostel จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันครับ ไม่ว่าจะเป็น ผ้าเช็ดตัว ไดร์เป่าผม แชมพู สบู่
แต่บางที่ก็ไม่มีนะครับ ต้องศึกษารายละเอียดดีๆ แต่สำหรับที่แรกที่ผมพัก ยังไม่มีครับ ต้องเอามาเอง
ปล.รูปที่ลงพวกเราไม่ได้ถ่ายเองบางรูปนะครับ
ต้องขอขอบคุณรูปจาก Hug Hostel ด้วยครับ
>>> สามารถดูรูปของพวกเราได้ที่ #sodesudsud ใน Instagram นะครับ <<<
#sodesudsud ไปโสดกันให้สุดๆ ที่เชียงใหม่ 4 วัน 3 คืน
เอาล่ะครับมาเข้าเรื่องกันดีกว่า การเดินทางครั้งนี้มันเกิดจากคนโสด และอินดี้ 3 คนมาเจอกัน
หลังจากความเครียดแบบคลุ้มคลั่งช่วงสอบไฟนอลปลายปีที่ผ่านมา ก็ต้องมาปลดปล่อยกันบ้าง
เริ่มจากการอ่านรีวิวมาล้านแปด พวกเราก็เห็นตรงกันว่าเชียงใหม่เนี่ยแหละคือเป้าหมายที่เราจะไป
เราวางแผนการเดินทางของเราด้วยรถไฟ ตามสไตล์คนฮิป เป้าหมายที่เราจะไปก็คือ
ดอยอ่างขาง >> ถนนคนเดินวันอาทิตย์ >> ดอยสุเทพ
เรียกได้ว่าทริปนี้มีหลายอารมณ์ และก็หลายอุณหภูมิเช่นกัน ( ปล.ทริปนี้สำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัว ใช้สกิลตัวเองล้วนๆนะครับ )
เราออกเดินทางกันวันศุกร์ที่ 25 ธ.ค. 58 วันคริสต์มาสพอดีเลยครับ โดยนั่งรถไฟปรับอากาศ ชั้น 2 แบบด่วนพิเศษครับ ( ย้ำ!!! ด่วนพิเศษ )
โดยเวลาในตั๋วเนี่ยรถจะออกประมาณ 09.21 น. พวกเราก็มากันพอดีกับเวลาที่ตั๋วระบุไว้แหละครับ แต่รถยังไม่มา
เค้าบอกว่าวันนี้รถต้องรอหลีก เพราะวิ่งได้แค่ทางเดียว เราก็เลยไม่ปล่อยเวลาว่างให้เปล่าประโยชน์ครับ ไปถ่ายรูปกานน
แล้วรถไฟก็มาถึงประมาณ 10.30 น.ครับ โดยเราจะนั่งจากสถานีต้นทางรังสิต ไปยัง สถานีปลายทางเชียงใหม่ครับ
มาดูบรรยากาศบนรถไฟกันครับ เรียกได้ว่ามันผิดคาดมากๆ ไม่คิดว่ามันจะดูดีกว่าที่คิดไว้ขนาดนี้ ตอนแรกพวกเราก็เตรียมเสบียง
กันมาเยอะแยะเลยครับ ( กลัวอดตายบนรถไฟ TT" ) แต่ปรากฎว่ารถขบวนนี้มีอาหารเสิร์ฟครับ
ขึ้นมาถึงพนักงานก็เสิร์ฟของว่างเลยครับ
แล้วนั่งไปสักพักประมาณ 12.00 น. ก็มีมื้อกลางวันร้อนๆมาเสิร์ฟถึงที่เลย
เมื่อกินอิ่มแล้ว เราก็นั่งอ่านหนังสือ ฟังเพลง เผลอหลับไป ตื่นมาอีกทีประมาณ 15.00 น.
มาอีกแล้วครับของว่างมาอีกแล้ว
กินกาแฟกันสักหน่อย ให้มันตื่นตาตื่นใจ
จากนั้นก็นั่งคุยกันไปตลอดทาง คุยนู่น คุยนี่ ก็ปาไป 6 โมงเย็นแล้วครับ
ก็เป็นอีกเช่นเคย พนักงานเอาอาหารเย็นมาเสิร์ฟ
ผมได้กินข้าวผัดกระเพราหมู ส่วนเพื่อนได้กินข้าวไข่เจียว รสชาติก็ถือว่าโอเคเลยนะ
ประมาณ 1 ทุ่ม รถไฟจอดที่อุตรดิตถ์นานมากกก กว่ารถจะออกก็ 2 ทุ่มครับ
จากนั้นรถก็ไปจอดอีกที่ ลำพูน ประมาณ 3 ทุ่ม เจ้าหน้าที่บอกว่าหัวรถมันไปไม่ไหว ต้องรอรถมาดึง
สักพักรถดึงก็มา แต่!!! รถที่มาดึงก็ดับเหมือนกันครับ ต้องรออีกคันมาดึง
กว่าจะได้ออกก็ 4 ทุ่ม ( ย้ำอีกที!!! ผมนั่งรถไฟด่วนพิเศษนะครับ )
แท่นแทนแท๊นน~~~ ถึงแล้วครับเชียงใหม่ที่รัก ขณะนี้เวลา 23.30 น. (เวลาถึงในตั๋ว 19.30 น.)
ไม่เป็นไรครับพวกเรา โอเค๊
จากนั้นเราก็เดินมานั่งรถแดงหน้าสถานีรถไฟครับ มีป้าคนนึงพุ่งตัวมาถามพวกเราว่าจะไปไหน
เราก็บอกจะไป Hug Hostel ตรงประตูช้างเผือกครับ
แล้วป้าก็พาเราไปขึ้นรถอย่างรวดเร็ว ไม่ให้พวกเราตั้งตัว 555 ( ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก )
ค่ารถแดง คนละ 50 บาทครับ
ถึงแล้วครับ Hug Hostel ตั้งอยู่ตรงประตูช้างเผือก ที่เราเลือกที่นี่เพราะอยู่ใกล้กับคิวรถช้างเผือก
ที่พวกเราจะนั่งรถขึ้นดอยอ่างขางกันในวันพรุ่งนี้ครับ
และนี่ก็เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ได้นอน Hostel ด้วย ตื่นเต้นๆ
บรรยากาศภายใน Hostel ครับ แต่ห้องที่เราพักจริงๆ เป็นห้อง sharing room 4 คนครับ
ห้องน้ำสะอาด ที่พักสบาย ความจริงทาง Hostel เค้ามีบริการ kitchen และ living room ด้วยครับ
แต่พวกเราไปถึงก็ดึกแล้วเลยไม่ได้ใช้บริการ น่าเสียดายจริงๆ
ราคาที่เราพัก 360 บาท/คน + ค่ามัดจำกุญแจคนละ 50 บาทครับ
เห็นเค้าบอกช่วงไม่ใช่เทศกาลราคาจะถูกกว่านี้นะ
http://www.hughostel.com/
ร้านอาหารจะอยู่ฝั่งตรงข้าม Hostel เลยครับ มีทั้งหมูสะเต๊ะช้างเผือก อาหารตามสั่ง โรตี และอีกมากมาย
แต่มาถึงประตูช้างเผือกทั้งที เราก็ไม่พลาดที่จะกินขาหมูช้างเผือก และสุกี้ แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่สุกี้โคคาครับ
รสชาติขาหมูอร่อยมาก ราคาปกติ 30 บาท พิเศษ 35 บาท คือประทับใจมากอ่า
เมื่ออิ่มหนำสำราญกับขาหมูตอนเที่ยงคืนกันไปแล้ว พวกเราก็อาบน้ำนอนครับ
เก็บแรงเอาไว้ผจญภัยในวันพรุ่งนี้ สำหรับวันแรกก็คงจบเพียงเท่านี้ เดี๋ยวมาต่อของวันต่อๆไปนะครับ
เพิ่มเติม ( สำหรับคนไม่เคยพักห้องพักแบบ Hostel นะครับ )
ห้องพักแบบ Hostel เป็นห้องพักที่เราจะต้องไปพักร่วมกับคนอื่น
อาจจะมีความเป็นส่วนตัวน้อยกว่าโรงแรมสักหน่อย แต่สำหรับคนที่อยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆ
หรือมีงบจำกัด ห้องพักแบบนี้ก็ถือว่าโอเคเลยครับ ของที่ต้องเตรียมตัวไปพักส่วนใหญ่ก็เหมือน
ไปพักโรงแรมทั่วไปแหละครับ แต่ถ้าคนที่ต้องการความปลอดภัยส้กหน่อยก็อาจจะเตรียมลูกกุญแจ
ไปใช้สำหรับล็อคตู้ล็อคเกอร์ในห้องพัก หรือใครไม่สะดวกเตรียม ทาง Hostel ก็มีบริการให้เช่าครับ
บาง Hostel จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันครับ ไม่ว่าจะเป็น ผ้าเช็ดตัว ไดร์เป่าผม แชมพู สบู่
แต่บางที่ก็ไม่มีนะครับ ต้องศึกษารายละเอียดดีๆ แต่สำหรับที่แรกที่ผมพัก ยังไม่มีครับ ต้องเอามาเอง
ปล.รูปที่ลงพวกเราไม่ได้ถ่ายเองบางรูปนะครับ
ต้องขอขอบคุณรูปจาก Hug Hostel ด้วยครับ
>>> สามารถดูรูปของพวกเราได้ที่ #sodesudsud ใน Instagram นะครับ <<<